fbpx

เที่ยวพัทยา-บางแสน 1 วัน กับทริปอิ่มอร่อยใกล้กรุงเทพฯ

เที่ยวพัทยา-บางแสน 1 วัน กับทริปอิ่มอร่อยใกล้กรุงเทพฯ

ทริปนี้ เช้า-เย็นกลับ ตามรอยความอร่อยจากหนังสือ UP TASTE – 50 Thailand’s Signature Taste โดยหม่อมหลวงภาสันต์ สวัสดิวัตน์ ที่รวม 50 ร้านอร่อยทั่วไทยมาแนะนำไว้เป็นคู่มือสำหรับคนที่ชอบตระเวนชิมของอร่อย  เส้นทางอาหารริมทะเล พัทยา-บางแสน แบบชิลๆ อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ขับรถไม่นานก็ถึงแล้ว ทั้งได้บรรยากาศสุดชิล นั่งกินของอร่อยที่ชายหาด มองดูคลื่นทะเล นับเป็นการพักผ่อนแบบไปเช้า-เย็นกลับที่ลงตัวที่สุดของคนกรุงเทพฯ

ลุงเด้งป้าไก่ นำภาพสวยๆ ตลอดทางมาฝากกัน พร้อมแนะนำร้านอร่อย 3 ร้านที่ลุงเด้งป้าไก่ เลือกมาจาก UP TASTE อยากให้เพื่อนๆ ไปลองชิมกัน เพราะได้ทั้งวิว และรสชาติที่อร่อยเต็มคำ ตามไปชมกันเลยครับ...

ครอบครัวลุงเด้งป้าไก่ ออกจากบ้าน 9 โมงเช้า ไม่ต้องรีบตื่น เพราะเป็นวันหยุด ชิลๆกันไป ใช้เวลาขับรถประมาณ 2 ชั่วโมงก็ถึงพัทยา ที่หมายแรกของเราวันนี้คือ The Glass House ร้านอาหารวิวสวย นั่งชิลริมทะเล เป็นหนึ่งในร้านอาหารยอดฮิตในย่าน นาจอมเทียน สัตหีบ ตรงข้ามโรงละครอลังการ ก่อนถึงโรงแรมแอมบาสเดอร์ประมาณ 800 เมตร

เปิด 11:00-24:00 ถ้ามาวันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุด ต้องโทรมาจอง เพราะลูกค้าเยอะมาก

The Glass House จุดเด่นไม่ได้อยู่ที่ห้องเรือนกระจก แต่เป็นที่นั่งชายหาด ที่ทุกโต๊ะหันหน้าออกทะเล

 

ลุงเด้งป้าไก่ ไปถึงที่ร้าน 10:45 ก่อนร้านเปิด 15 นาที ก็มีลูกค้ามาจับจองโต๊ะที่ชายหาดกันแล้ว

ภายในร้านบรรยากาศดี มีที่นั่งหลายมุม และแน่นอนที่สุด ทุกโต๊ะหันหน้าออกทะเล

นอกจากที่นั่งริมทะเลแล้ว ยังมีอาคารสูง 3 ชั้น และทุกโต๊ะก็หันหน้าออกทะเลเช่นกัน

วันนี้สั่งอาหารไปหลายเมนูพอสมควร เริ่มต้นที่ลาบแซลมอน ราคา 290.- จัดว่าเป็นลาบแซลมอนที่รสชาติจัดจ้านถึงรส ถึงใจจริงๆ

ปลากะพงทอดน้ำปลา 550.- ความอร่อยระดับมาตรฐานทั่วไป แต่ข้อดีคือแยกน้ำราด (ซอสน้ำปลา) มาต่างหาก ปลาทอดจะได้ไม่นิ่ม ส่วนน้ำจิ้มซีฟู้ดก็แซ่บสะใจ

เมนูลูกชาย สปาเก็ตตี้เบคอนพริกแห้ง จานนี้ 200 บาท 1 อิ่มกำลังดี

กุ้งเผา ผ่าหลัง แกะเปลือกมาเรียบร้อยกินง่าย ไม่เลอะมือ โลละ 1200.- จานนี้ ครึ่งโล 600 บาท

The Glass House ร้านนี้เป็นที่โปรดปรานของลูกชาย เพราะกินง่าย มีเมนูสำหรับเด็กให้เลือกหลายรายการ

The Glass House หนึ่งในร้านประจำของลุงเด้งป้าไก่ อีกครั้งถ้ามาวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ แนะนำโทรมาจองก่อนครับ ไม่งั้นรอคิวนาน

จาก The Glass House ...ขับรถต่อมาประมาณ 20 นาที ก็มาถึงหน้าทางเข้าวิหารเซียน ค่าเข้าชมคนละ 50 บาท

ภายในวิหารเซียน มีรูปหล่อสำริดเทพ และบุคคลสำคัญต่างๆ ของจีน รวมถึงหุ่นดินเผาที่มาจากสุสานจักรพรรดิจิ๋นซี จากเมืองซีอาน และครั้งแรกที่รัฐบาลจีนอนุญาตให้นำออกนอกประเทศ

ชั้น 3 ของวิหารเซียน เป็นจุดชมวิว แล้วยังมองเห็น เจดีย์พุทธคยาจำลอง มาแล้วก็ต้องขึ้นไปชมกันให้ได้

จากวิหารเซียน ขับรถต่อไปอีก 5-10 นาที ก็ถึง พระบรมธาตุเจดีย์มหาจักรีพิพัฒน์ สร้างน้อมเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช และยังเป็นที่ประดิษฐานสารีริกธาตุ ซึ่งบรรจุอยู่ในพระเจดีย์ทอง ที่ชั้นสามของเจดีย์

จากนั้นขับรถต่อไปอีก 5-10 นาที ก็จะถึง พระมหามณฑปพุทธบาท ภปร. สก. บันไดพญานาคความสูงประมาณบันได 200 กว่าขั้น สถานที่แห่งนี้เป็นที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทคู่ และสร้างขึ้นเพื่อบูชาพระคุณของพระพุทธเจ้า และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้อันเชิญพระปรมาภิไธยย่อ ภปร. และพระนามาภิไธยย่อ สก. ประดิษฐานที่องค์พระมหามณฑปแห่งนี้ เปิดให้เข้าชมถึง 5 โมงเย็นเท่านั้น (ห้ามถ่ายภาพด้านใน)

พระมหามณฑปพุทธบาท ภปร. สก. ขับรถต่อไปอีก 5-10 นาที ก็จะถึงพระพุทธรูปแกะสลักเขาชีจรรย์ พระพุทธรูปแกะสลักเขาชีจรรย์ เป็นพระพุทธรูปแกะสลักด้วยลายเส้น ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นพระพุทธรูปประทับนั่งปางมารวิชัย สร้างเลียนแบบ พระพุทธนวราชบพิตร ศิลปะอันงดงามผสมผสานระหว่างสุโขทัยกับล้านนา

พระพุทธรูปมีขนาดความสูงรวมฐานบัวถึงบัลลังค์ 130 เมตร หน้าตักกว้าง 70 เมตร แกะสลักด้วยเลเซอร์บนหน้าผาสูงเด่นตระหง่านเป็นที่สะดุดตาแก่ผู้มาเยือน ถูกสร้างขึ้นเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่9 ในวันที่ 9 มิถุนายน 2539 แล้วเสร็จ ในปี 2543 เนื่องในวโรกาสทรงครองสิริราชสมบัติครบรอบ 50 ปี และทรงพระราชทานนามว่า  “พระพุทธมหาวชิรอุตตโมภาสศาสดา” ซึ่งมีความหมายว่า “พระพุทธเจ้าทรงเป็นศาสดาที่รุ่งเรืองสว่างประเสริฐ ดุจดังมหาวชิระ”

ขับรถต่อไปอีก 5 นาที ก็จะถึงไร่องุ่น “ซิลเวอร์เลค” (Silverlake) แหล่งผลิตและจำหน่ายองุ่นสด และผลิตภัณฑ์แปรรูปจากองุ่น และจัดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวให้ผู้เยี่ยมชมมาถ่ายรูปกับวิวสวยๆ โดยไม่คิดค่าเข้าชม ของฝากประจำบ้านลุงเด้งป้าไก่คือ พายองุ่น, องุ่นสดไร้เมล็ด และน้ำองุ่นเข้มข้น ทั้ง 3 รายการนี้พลาดไม่ได้เด็ดขาด

จาก The Glass House เดินทางไป  วิหารเซียน / พระบรมธาตุเจดีย์มหาจักรีพิพัฒน์ / พระมหามณฑปพุทธบาท ภปร. สก. สะดวกมาก เพราะขับรถไปเพียง 30 นาที เท่านั้น จากนั้นเพื่อนๆ มีเวลาขับต่อไปอีกนิดก็จะถึง พระพุทธรูปแกะสลักเขาชีจรรย์ และ ไร่องุ่นซิลเวอร์ เลค

หลังจากนั้น...ขอนั่งพักสักเล็กน้อย แต่ไม่ลืมตามรอยหนังสือ UP Taste โดยมุ่งหน้าเข้าไปที่พัทยาเหนือบริเวณวงเวียนโลมา จุดหมายของเราคือ La Baguette ร้านเบเกอรี่รุ่นแรกๆ ของพัทยา ที่เปิดให้บริการความอร่อยมานานกว่า 17 ปี

 La Baguette อยู่ติดกับโรงแรม Woodlands Hotel & Resort โดดเด่นทีสุดคือขนมอบสไตล์ฝรั่งเศส ไม่ใส่สารกันบูด มีลูกค้าประจำวนเวียนเข้าออกร้านตลอดเวลา

ร้านนี้เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาพัทยา เมนูหลากหลายเริ่มตั้งแต่คาว หวาน ซุป ไอศกรีมต่างๆ แต่ที่โดดเด่นทีสุดคือ ครัวซองค์ (Croissant) และวาฟเฟิล

ครัวซองค์ (Croissant) เป็นที่ถูกอกถูกใจป้าไก่เป็นที่สุด ใช้เนยนำเข้าจากฝรั่งเศส หอมมัน กรอบนอกนุ่มใน เนื้อแป้งเหนียวกำลังดี ราคาไม่แพงชิ้นละ 55 บาทเท่านั้น

อีก 1 เมนูที่ลุงเด้งคิดว่าคุ้มค่าที่สุด สำหรับเพื่อนๆ ที่ชอบกินเนื้อ Cold Cut ชุดนี้ MIX COLD CUT ใช้วัตถุดิบชั้นดี Parisian Baguette จัดมา 3 ชิ้นน้อยไปนิด ถ้าจัดมาซัก 5 ชิ้นจะเยี่ยมเลย สุดท้ายต้องสั่ง ครัวซองค์ มาเพิ่มอีก 1 ชิ้น กินกับ Cold Cut ชุดนี้ ราคา 360 บาท บอกเลยว่าถูกมาก

ลูกชายทั้ง 2 คน พี่เมฆ ภูผา บอกว่ายังอิ่มจาก The Glass House เลยสั่งแต่ของหวาน จานนี้ A La Mode Waffle  จานนี้เหมาะมากกับสาวๆ เพราะเป็นวาฟเฟิลสไตล์เบลเยี่ยมสูตรเฉพาะของที่ร้าน ประดับด้วยผลไม้สดหลากชนิด ส้ม กีวี สตรอเบอรี่ แอปเปิ้ลแดง แอปเปิ้ลเขียว ราดด้วย white Chocolate dips เสิร์ฟพร้อมกับ Vanilla Ice Cream ราคา 225 บาท

เมนูเครื่องดื่ม ที่ขายดีที่สุดของร้านคือ Hot Green Tea Latte / Hot Red Tea Latte / Red Tea Blend มื้อนี้ลุงเด้งเลือกสั่ง Hot Green Tea Latte แก้วละ 105 บาท

ปิดท้ายมื้อด้วย Strawberry Cheese Cake เป็นหนึ่งใน Small Cake Favorite ของทางร้าน ชิ้นละ 140 บาท

เพื่อนๆ ที่มาเที่ยวพัทยา ร้านนี้ La Baguette ต้องมา Check-in กันให้ได้ โดยเฉพาะสาวๆ ที่หลงไหลในความหอมวานของขนมอบสไตล์ฝรั่งเศส และวาฟเฟิลแบบเบลเยี่ยม ปรุงด้วยวัตถุดิบชั้นเลิศ

ยามเย็น...ลุงเด้ง ป้าไก่ ขับรถออกจากพัทยาเหนือมุ่งหน้ากลับเข้ากรุงเทพ แวะกินข้าวเย็นพร้อมชมพระอาทิตย์ตกดิน ที่ Sea Salt Seafood & Wine เรียกง่ายๆ ว่า Sea Salt อีกหนึ่งจุดหมายที่พลาดไม่ได้จากหนังสือ UP Taste โดยร้านตั้งอยู่ในโครงการคอนโดมิเนี่ยม Casulunar Paradiso ในย่านบางพระ แนะนำให้เดินทางมาถึงร้านก่อน พระอาทิตย์ตกดิน 1 ชั่วโมง และที่สำคัญ ถ้าเป็นคืนวันศุกร์ หรือ วันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุด ต้องจองมาก่อนทุกครั้ง เพราะลูกค้าจะเยอะมาก

บรรยากาศพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าที่ Sea Salt
ความสวยงามของพระอาทิตย์สีเพลิง ตัดกับสะพานที่ทอดยาวลงไปในทะเล

Sea Salt ร้านอาหารที่มีความลงตัวเป็นที่สุด มีที่นั่งหลายรูปแบบ ทั้งแบบโต๊ะเก้าอี้บนชายหาด หรือจะปูฟูกนั่งบนพื้นทรายพร้อมโต๊ะเตี้ยแบบญี่ปุ่น หรือจะนั่งบนตัวอาคาร 2 ชั้น ก็สามารถชมวิวทะเล ได้เช่นกัน

ความโดดเด่นของ Sea Salt นอกจากจะวิวสวยแล้ว วิธีการจัดจาน ก็ทำออกมาได้สวยงาม

อาหารเรียกน้ำย่อย มื้อนี้เริ่มต้นด้วย บูเช็ตต้า 120 บาท

มันบดอบชีส จานนี้มีเสน่ห์ที่เบคอนอบกรอบ กินพร้อมกับมันบดอร่อยมาก  140 บาท

ปีกไก่ทอดน้ำปลา เสิร์ฟพร้อมกับข้าวเหนียวย่าง กินพร้อมกับน้ำจิ้มแจ่ว ราคา 140 บาท

แหนมซี่โครงหมูทอด จานนี้ 160 บาท

อาหารเรียกน้ำย่อย ชุดแรก ที่ลุงเด้ง ป้าไก่ สั่งมา จานละ 120-140 บาท เท่านั้น สั่งมานั่งชิลๆ

อาหารชุดถัดมาคือ สปาเก็ตตี้ปลาสลิดกรอบพริกแห้ง 160 บาท

สปาเก็ตตี้กรรเชียงปูพริกแห้ง (เนื้อปูชิ้นสวย โรยมาเยอะกว่าที่คาด) ในราคานี้ 220 จัดว่าไม่แพง

เส้นหมี่หลนกรรเชียงปู ในชุดมีเส้นหมี่ 4 ก้อนใหญ่โรยหน้าด้วยไข่ปลาสีส้มสดใส เสิร์ฟพร้อมกับผักสด และหลนกรรเชียงปู 1 ถ้วย ชุดนี้ 220 บาท

ขาหมูเยอรมัน ไขมันน้อย เพราะทางร้านมีเทคนิคในการรีดไขมัน ทอดสวยสีเหลืองทอง หนังกรอบเนื้อนุ่ม เสิร์ฟมาพร้อมกับ มันบด ซาวเคราท์ (Sauerkraut) ซอสหวาน และน้ำจิ้มสามรส ชุดนี้ 520 บาท

จบทริป เที่ยวพัทยา-บางแสน 1 วัน กับทริปอิ่มอร่อยใกล้กรุงเทพฯ ลุงเด้งป้าไก่ของฝากรูปภาพนี้ไว้เป็นที่ระลึก มองดูให้ดี แล้วจะรู้ว่าสถานที่แห่งนี้นอกจากอาหารอร่อยแล้ว ยังมีความโรแมนติกอีกด้วย

สำหรับเพื่อน ๆ คนไหนที่ไม่อยากพลาดร้านเด็ด ร้านดังเปี่ยมด้วยคุณภาพ สามารถดาวน์โหลดหนังสือ UP Taste-เล่มที่ 2
ในรูปแบบ e-book ได้ที่ https://www.krungsricard.com/th/up-taste.html

หนังสือสำหรับคนรักอาหารและการท่องเที่ยว ภายใต้ชื่อ  “50 Thailand’s Signature Tastes by M.L. Parson Svasti”  ที่รวบรวมร้านอาหารรสเลิศ 50 ร้านจากทั่วประเทศไทย บอกเล่าประสบการณ์จริงผ่านตัวอักษรของหม่อมหลวงภาสันต์ สวัสดิวัตน์ และพิเศษสุดสำหรับผู้ถือบัตรเครดิต กรุงศรี เอ็กคลูซีฟ ซิกเนเจอร์ และกรุงศรีซิกเนเจอร์ รับสิทธิพิเศษ เช่น ส่วนลดสูงสุด 30% หรือรับอาหารเมนูพิเศษจากร้านดังในหนังสือเล่มนี้

ใครสนใจ สามารถเข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่: https://www.krungsricard.com/th/Product/CreditCard/Exclusive/krungsri-signature.html

ชื่อร้าน : The Glass House
ที่ตั้ง : 5/22 หมู่ 2 ซ.นาจอมเทียน 10 ถ.สุขุมวิท ชลบุรี (ซอยนาจอมเทียน) สัตหีบ ชลบุรี
เวลา : 11.00-24.00 (ครัวปิด 22.00)
โทร : 0-3825-5922 / 08-1266-6110

ชื่อร้าน : La Baguette
ที่ตั้ง : 164/1 หมู่5 ถ.พัทยา-นาเกลือ ต.บางละมุง จ.ชลบุรี 20150
เวลา : 08.00-24.00
โทร : 0-3842-1707

ชื่อร้าน : Sea Salt Seafood & Wine (ซี ซอล์ท)
ที่ตั้ง : 700/285 โครงการ Casalunar Paradiso ถ.สุขุมวิท บางแสน เมือง ชลบุรี 20000
เวลา : จันทร์ - พฤหัส 17.00-23.00 / ศุกร์ 17.00-24.00 / เสาร์ 11.00-24.00 / อาทิตย์ 11.00-23.00
โทร : 09-7149-8228

 

 

 

 

 

 

 

 




Leave a comment