fbpx

แกะรอย 20 ที่เที่ยวตุรกีดินแดนสองทวีปแห่งอารยธรรม

แกะรอย 20 ที่เที่ยวตุรกีดินแดนสองทวีปแห่งอารยธรรม

20 ที่เที่ยวตุรกี

แกะรอย 20 ที่เที่ยวตุรกีดินแดนสองทวีปแห่งอารยธรรม

หากอยากลองเปลี่ยนบรรยากาศเที่ยวยุโรป แต่ไม่อยากเดินทางไกลจากเอเชีย ก็ต้องที่นี่เลย “ตุรกี” ดินแดนที่ได้รับฉายานามว่าเป็นเมืองสองทวีปที่มีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากคุณจะสามารถเดินทางไปสัมผัสอารยธรรมอันงดงาม และสถาปัตยกรรมอันเก่าแก่ที่ทำให้ใครหลายคนต้องสะดุดตาแล้ว นักท่องเที่ยวยังสามารถเดินทางไปได้โดยง่าย เพราะตุรกีนั้นเป็นหนึ่งในประเทศที่ฟรีวีซ่านั่นเอง ว่าแล้วไม่รอช้าตามเราไปแกะรอย 20 ที่เที่ยวตุรกี เมืองดี ๆ ที่ต้องไปโดนด้วยตนเองสักครั้ง แต่ก่อนออกเดินทางก็อย่าลืมกดจองตั๋วเครื่องบินไปตุรกีกับ Traveloka เว็บไซต์และแอปพลิเคชันที่มาพร้อมฟีเจอร์สุดเด็ดทั้ง Price Alerts ช่วยแจ้งเตือนราคาตั๋วเครื่องบินที่คุณต้องการ หรือจะใช้ Promo Filter เอาค้นหาตั๋วเครื่องบินโปรโมชั่นในราคาที่ใช้ด้วยวิธีง่ายๆ ก็สุดปัง ที่จะช่วยทำให้การเดินทางของคุณคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น

 

ทางไปจองตั๋วเครื่องบินไปตุรกี กับTraveloka

https://www.traveloka.com/th-th/flight/to/Istanbul.ISTA

 

แล้วก่อนจะบินนักเดินทางทั้งหลายอย่าลืมเช็คมาตรการสนามบินทั้งใน และนอกประเทศ เพื่อเตรียมเอกสารที่ใช้ในการเดินทาง รวมถึงอัพเดทข้อมูลเกี่ยวกับสนามบินได้แบบเรียลไทม์ ได้ที่นี่ > https://www.traveloka.com/th-th/flight/safe-travel

                                     

 1. สุเหร่าสีน้ำเงิน (Blue Mosque)

ที่เที่ยวตุรกีอันดับแรกอย่าง สุเหร่าสีน้ำเงิน ถือเป็นพิกัดเช็กอินสุดขึ้นชื่อที่นักท่องเที่ยวทุกคนต้องมาเยือน เนื่องจากความโดดเด่นและความสวยงามของสถาปัตยกรรมภายในของหอมินาเร็ต ที่มีการตกแต่งและประดับประดาไปด้วยกระเบื้องโทนฟ้าด้วยลวดลายดอกไม้ต่าง ๆ นานาพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็น ดอกกุหลาบ ดอกคาร์เนชั่น ดอกทิวลิป รวมไปถึงการใช้กระจกจำนวนกว่า 280 บานรอบสุเหร่า

สุเหร่าแห่งนี้ได้เปิดให้ผู้คนมาทำละหมาด และเยี่ยมชมกันตลอดทั้งปี ดังนั้นหากใครไม่อยากพลาดควมสวยงามของการออกแบบสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น ก็ต้องไปเช็กอินที่แห่งนี้เลย

 

2. วิหารเซนต์โซเฟีย (Mosque of Hagia Sophia)

วิหารเซนต์โซเฟีย เป็นสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นตั้งอยู่ใจกลางกรุงอิสตันบูล โดยโซเฟียนับเป็นสิ่งก่อสร้างจากฝีมือมนุษย์ที่มีความสวยงามอลังการเป็นอย่างมาก และทำให้นักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกให้ความสนใจและอยากมาเยือนด้วยตนเองสักครั้ง โดยภายในเคยใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีทางศาสนาคริสต์ ต่อมาได้ใช้เป็นสุเหร่าในการละหมาดในภายหลัง

ปัจจุบันได้เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ที่นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาเยี่ยมชมได้ จึงทำให้การออกแบบด้านในมีลักษณะเหมือนยุคแซนไทน์ ที่มีการใช้ศิลปะกรีกโรมัน และเปอร์เซียผสมผสานกันจนเข้ากันอย่างลงตัว

 

3. ฮิปโปโดรม (Hippodrome)

ฮิปโปโดรม หรือ หรือจัตุรัสสุลต่านอะห์เมต ตั้งอยู่ในกรุงอิสตันบูล โดยแต่เดิมนั้นเคยเป็นสถานที่แข่งม้า สถานที่จัดกิจกรรมต่าง ๆ และเป็นศูนย์กลางของเมือง แต่ในปัจจุบันนั้นหลงเหลือแต่กลิ่นอายของความเก่าแก่ด้านประวัติศาสตร์ที่ให้นักท่องเที่ยวได้มาชื่นชม พร้อมกับสัมผัสบรรยากาศอันร่มรื่นของบริเวณโดยรอบ

จุดเด่นของที่เที่ยวตุรกีแห่งนี้ก็คือ เสาโบราณที่ตั้งเด่นอยู่ 3 ต้น ได้แก่ เสาโอเบลิสก์แห่งกษัตริย์เธโอโดเชียส, เสางู และเสาคอนสแตนติน ที่ใครมาถึงก็ต้องไม่พลาดในการถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก

 

4. อุโมงค์เก็บน้ำเยเรบาตัน (Yerebatan Sarnici)

อุโมงค์เก็บน้ำเยเรบาตัน เป็นหนึ่งในที่เที่ยวตุรกีที่ตั้งอยู่เยื้อง ๆ กับวิหารเซนต์โซเฟีย ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่กักเก็บน้ำไว้ใช้สำหรับในพระราชวัง เมื่อเมืองอิสตันบูลถูกข้าศึกปิดล้อมเมืองตั้งแต่ในสมัยจักรพรรดิจัสติเนียน ซึ่งอุโมงค์แห่งนี้สามารถจุน้ำได้ทั้งหมด 80,000 ลูกบาศก์เมตร

ปัจจุบันได้เปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถมาเข้าชมได้ โดยด้านในนี้มีต้นเสาที่เป็นไฮไลท์อยู่สามจุด คือ เสาที่สลักเป็นรูปดวงตาปีศาจ เสาที่มีหัวของเมดูซากลับหัว  และเสาหัวเมดูซาตะแคงขวา ที่ใช้ศิลปะแบบคอรินเทียนของโรมันที่สร้างความสะดุดตาให้แก่ผู้มาเยือนได้เป็นอย่างมาก

 

5. พระราชวังทอปกาปึ (Topkapi Palace)

เที่ยวตุรกีอย่าง พระราชวังทอปกาปึ มีพื้นที่กว้างขวางเกือบ 700,000 ตารางเมตร โดยแต่เดิมเคยเป็นที่ประทับขององค์สุลต่านนานกว่า 3 ศตวรรษ จึงทำให้มีการออกแบบและตกแต่งด้วยความหรูหรา ใช้ลวดลายอย่างงดงามจนน่าสะดุดตา จนได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นหนี่งในมรดกโลกจากองค์กรยูเนสโก้

ปัจจุบันได้เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติที่เก็บสมบัติอันล้ำค่าขององค์สุลต่านไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น เพชร 96 กะรัต หยก มรกต ทับทิม และเครื่องทรงของสุลต่าน ที่เรียกได้ว่าไม่ควรพลาดในการเป็นเยือนเป็นอย่างมาก

 

6. ช่องแคบบอสฟอรัส (Bosporus Strait)

ช่องแคบบอสฟอรัส เป็นช่องแคบที่แบ่งเขตเส้นระหว่างยุโรปกับเอเชีย ซึ่งชื่อเรียกของ “บอสฟอรัส" มาจากเทพปกรณัม โดย Bous แปลว่า แม่วัว และ Poros แปลว่า ทางข้าม จึงทำให้สองคำนี้หมายถึง ทางแม่วัวข้ามในภาษากรีกโบราณ ซึ่งนอกจากความสวยงามของบรรยากาศและเป็นหนึ่งในช่องแคบที่โดดเด่นแล้ว ยังเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญอย่างยิ่งในการป้องกันศัตรูของประเทศตุรกีตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน

กิจกรรมที่คุณไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนที่เที่ยวตุรกีแห่งนี้เลยก็คือ การล่องเรือชมทัศนียภาพโดยรอบที่โอบล้อมไปด้วยตึกอาคารและสถาปัตยกรรมอันงดงาม บอกเลยว่าคุณจะได้สัมผัสความสวยงามที่สร้างความประทับใจอันไม่รู้ลืมได้อย่างแน่นอน

 

7. คัปปาโดเชีย (Cappadocia)

หากพูดถึงการเดินทางมาท่องเที่ยวตุรกีแล้วละก็คงพลาดไม่ได้เลยกับคัปปาโดเชีย ที่เรียกได้ว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตตลอดกาลของเมืองตุรกี และได้กลายเป็นแลนด์มาร์กหลักที่ไม่ว่าใครได้เดินทางมาแล้วละก็จะต้องหลงรักกับสถานที่แห่งนี้อย่างแน่นอน

เนื่องจากภายในสถานที่แห่งนี้ถูกโอบล้อมไปด้วยวิวทิวทัศน์ที่สวยงามเป็นอย่างมาก แถมยังมีมุมถ่ายรูปที่สามารถมองเห็นวิวบอลลูนที่ลอยอยู่เหนือฟ้าหลากหลายสีสัน เรียกได้ว่าไม่ว่าจะมุมไหนนักท่องเที่ยวก็สามารถเก็บภาพความประทับใจกันได้อย่างรัว ๆ หากใครที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวตุรกีแล้วละก็ไม่ควรพลาดมาเช็กอินกันที่สถานที่แห่งนี้

 

8. ตลาดแกรนด์บาซาร์ (Grand Bazaar)

เอาใจสายช้อปกันต่อด้วยการพาไปเช็กอินที่ ตลาดแกรนด์บาซาร์ ตลาดที่ใหญ่ที่สุดของเมืองอิสตันบูล โดยภายในมีร้านค้าตั้งเรียงรายอยู่มากมายกว่า 4,000 ร้าน ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาเลือกชมสินค้าต่าง ๆ ได้อย่างเต็มเปี่ยม ไม่ว่าจะเป็น เครื่องประดับ เครื่องหนัง เซรามิคลวดลายสีสัน หรือของที่ระลึกอื่น ๆ ที่คุณสามารถซื้อกลับไปฝากเพื่อน ๆ และครอบครัวที่บ้านได้

นอกจากนี้การไปเดินตลาดยังทำให้คุณได้สัมผัสวัฒนธรรมและการใช้ชีวิตของคนในท้องถิ่นอีกรูปแบบที่แตกต่างได้อย่างใกล้ชิด

 

9. ปามุคคาเล่ (Pamukkale)

 เดินทางกันต่อที่ ปามุคคาเล่ หรือที่ใครหลายคนเรียกว่าปราสาทปุยฝ้าย สถานที่ท่องเที่ยวตุรกีแนวธรรมชาติที่มีความมหัศจรรย์อย่างย่ิง เนื่องจากธารน้ำแร่ใต้ดินได้ไหลรวมเป็นแอ่งน้ำหินปูน จนกลายเป็นที่เที่ยวที่นักท่องเที่ยวต่างพากันมาแช่น้ำในสระ พร้อมทั้งดื่มด่ำไปกับบรรยากาศโดยรอบได้อย่างสบายใจ

ช่วงที่เหมาะแก่การเดินทางไปมากที่สุดก็คือ ช่วงฤดูใบไม้ผลิ เพราะน้ำจะขึ้นล้นแอ่ง จนกลายเป็นความสวยงามที่น่าสะดุดตา แถมอากาศยังเย็นสบายอีกด้วย หากใครที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวธรรมชาติ ก็ต้องไม่พลาดที่จะมาเยือนสถานที่แห่งนี้เลย

 

10. พาซาแบค (Pasabag)

สำหรับใครที่อยากได้รูปแบบติส ๆ แนวสุดชิคก็ต้องไม่พลาดที่จะเดินทางมาเยือนที่ พาซาแบค แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่เต็มไปด้วยกลุ่มภูเขาหินปูนที่มีลักษณะเป็นรูปกรวยมีหมวกวางอยู่ด้านบน และหินที่มีรูปทรงต่าง ๆ อย่างน่าประหลาดตา

จุดเด่นของที่เที่ยวตุรกีแห่งนี้ที่ดึงดูดความสนใจของนักท่องเที่ยวจำนวนมากเลยก็คือ ภูเขา 2 ปล่องไฟ สมญา Hermitage Of St.Simon ที่อดีตเคยเป็นสถานที่พำนักของบาทหลวงไซมอนเมื่อ 1,500 ปีที่ผ่านมา บอกเลยว่านักท่องเที่ยวสายฮิป ที่ชื่นชอบแนวเอิรธ์โทนต้องถูกใจสิ่งนี้แน่นอน

 

11. พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม่ (Goreme Open Air Musuem)

เดินทางกันไปต่อที่ พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม่ หนึ่งในที่เที่ยวตุรกีที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก เนื่องจากความแปลกตาของแท่งหินที่ถูกกัดเซาะและกลายเป็นรูปทรงคล้ายปล่องไฟ ที่ชาวตุรกีต่างเรียกกันว่าเป็นปล่องไฟนางฟ้า จนเกิดเป็นความงดงามที่สร้างความประทับใจให้ใครหลายคน

อีกทั้งยังเป็นสถานที่สำหรับการเรียนรู้เรื่องราววิถีชีวิตความเป็นอยู่ของบรรพบุรุษชาวคัปปาโดเชียนที่เคยใช้ชีวิตอยู่บนพื้นที่แห่งนี้ พร้อมทั้งดื่มด่ำไปกับทัศนียภาพของธรรมชาติโดยรอบได้อย่างกว้างไกลสุดสายตา

12. อันตัลยา (Antalya)

ที่เที่ยวตุรกีอย่าง อันตัลยา (Antalya) หรือเมืองตากอากาศริมทะเลของประเทศตุรกีที่เหมาะแก่การเดินทางมาเพื่อพักผ่อนหย่อนใจ เนื่องจากเมืองแห่งนี้เป็นเมืองท่องเที่ยวที่โอบล้อมไปด้วยธรรมชาติทั้งวิวทิวทัศน์ของทะเลและภูเขาที่งดงาม ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถดื่มด่ำและชื่นชมบรรยากาศโดยรอบของทะเลเมดิเตอร์เรเนียนได้อย่างเต็มเปี่ยม

สถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่ทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ของตุรกี ซึ่งกิจกรรมที่ได้รับความนิยมและพลาดไม่ได้เลยเมื่อมาเยือนที่แห่งนี้เลยก็คือ การล่องเรือชมความสวยงามและซึมซับบรรยากาศสุดโรแมนติกที่หาจากที่ไหนไม่ได้อย่างเต็มที่

 

13 เมืองเอเฟซุส (Ephesus)

เมืองเอเฟซุล เป็นสถานที่ท่องเที่ยวตุรกีแนวประวัติศาสตร์ที่โดดเด่นในเรื่องของสถาปัตยกรรมโบราณยุคโรมันที่มีความงดงาม โดยปัจจุบันเปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาสัมผัสและเรียนรู้เรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญในอดีตที่มีอายุเก่าแก่มากกว่า 2,500 ปี จนได้รับฉายานามว่าเป็นมหานครโบราณของโรมันที่มีความสำคัญต่อชาวตุรกีเป็นอย่างมาก

บอกเลยว่าสายเที่ยวคนไหนที่ชื่นชอบการศึกษาเกี่ยวกับเรื่องราวประวัติศาสตร์ต้องไม่พลาดในการมาเยือนที่แห่งนี้ ที่สำคัญไม่ว่าคุณจะยืนถ่ายรูปมุมไหนคุณก็ได้รูปสุดปังกลับไปอัปลงโซเชียลอย่างแน่นอน

 

14. พระราชวังโดลมาบาเช่ (Dolmabahce Palace)

มาต่อกันที่พระราชวังโดลมาบาเช่ที่มีความโดดเด่นในเรื่องของการออกแบบสถาปัตยกรรม โดยการผสมผสานระหว่างศิลปวัฒนธรรมออตโตมันดั้งเดิมเข้ากับแนวคิดแบบตะวันตก จนเกิดเป็นศิลปะแนวใหม่ที่มีความเข้ากันอย่างลงตัว ภายในพระราชวังถูกแบบออกเป็น 3 ส่วนหลัก ๆ ได้แก่ ส่วนที่ใช้สำหรับพูดคุยปรึกษากิจการงานของประเทศ

ส่วนฮาเร็มซึ่งเป็นส่วนที่พักอาศัยของสุลต่านและครอบครัว และส่วนห้องโถงใหญ่ที่ใช้ในการจัดงานพระราชพิธีสำคัญต่าง ๆ ที่นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปเชยชมได้ บอกเลยว่าด้านในนั้นสวยงามอย่างอลังการจนทำให้ใครหลายคนไม่อยากละสายตาไปไหนอย่างแน่นอน

 

15. ตลาดสไปซ์ มาร์เกต (Spice Market)

ตลากสไปซ์ มาร์เก็ต เป็นตลาดเครื่องเทศที่ตั้งอยู่ในเมืองอิสตันบูล เปิดให้บริการตั้งแต่สมัยปี 2140 โดยชาวอียิปต์ที่มาค้าขายเครื่องเทศสารพัดชนิด รวมถึงถั่วชนิดต่าง ๆ ที่เป็นส่วนผสมผลักในการทำอาหาร ซึ่งจะมีความหอม ความกรอบ ความเหนียวที่แตกต่างไปจากถั่วที่อื่น นอกจากนี้ยังมีรังผึ้ง ขนมเตอร์กิชดีไลท์  ผลไม้ทั้งสดและแห้ง และน้ำมันมะกอก ตลอดไปจนถึงเครื่องประดับ เครื่องแต่งกาย และของฝากที่ระลึกหลากหลายชนิดที่คุณสามารถเลือกซื้อได้อย่างตามอำเภอใจ

ตลาดแห่งนี้นั้นถูกตั้งอยู่ในร่มและเป็นตลาดใหญ่อันดับสองในอิสตันบูลรองจากแกรนด์บาร์ซาร์ หากใครอยากเลือกซื้อของที่มีราคาไม่แพง และหลากหลาย ก็สามารถไปเช็กอินที่ตลาดแห่งนี้ได้

 

16. ภูเขาเออร์ซิเยส (Ersies Mountain)

พาเพื่อน ๆ ไปสัมผัสความหนาวเย็นกันต่อที่ภูเขาไฟเออร์ซิเยส ที่ตั้งอยู่ที่เมือง Kayseri ของประเทศตุรกี โดยนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักเดินทางมาชมวิวความสวยงามของทัศนียภาพที่โอบล้อมไปด้วยภูเขาน้อยใหญ่จำนวนมากมาย เรียงรายสลับซับซ้อนกันไปมา จนเกิดเป็นความสวยงามที่สร้างความประทับใจให้แก่ผู้คนจำนวนมาก

กิจกรรมที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ ก็คือ การนั่งกระเช้าสัมผัสบรรยากาศที่ปกคลุมด้วยหิมะ และการปีนเขาพิชิตยอดที่มีระดับความสูงถึง 3917 เมตร บอกเลยว่าสายผจญภัยต้องหาโอกาสมาเยือนที่เที่ยวตุรกีแห่งนี้ด้วยตนเองให้ได้สักครั้ง

 

17. หุบเขาแห่งเทพเจ้า (Mount Nemrut)

หุบเขาเทพเจ้า หรือหุบเขาเนมรุต เป็นหุบเขาที่ตั้งอยู่บริเวณยอดภูเขาสูงทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศตุรกี ซึ่งจุดเด่นของหุบเขาแห่งนี้อยู่ที่โบราณสถานอันเก่าแก่ที่ตั้งกระจัดกระจายเต็มไปทั่วพื้นที่ โดยมีสุสานแห่งกษัตริย์แอนติโออายุหลายพันปีตั้งอยู่บริเวณใกล้เคียง

นอกจากนี้ยังมีรูปปั้นศีรษะขนาดใหญ่ และรูปปั้นเทพเจ้ากรีกจำนวนมากมายที่หลงเหลืออยู่ตามพื้นให้เราได้ชื่นชมกัน หากใครสนใจก็สามารถเดินทางไปช่วงเดือนพฤษภาคมถึงเดือนตุลาคมได้ เพราะเป็นช่วงที่เหมาะสมแก่การเดินทางมากที่สุด

 

18. เมืองโบดรัม (Bodrum)

เดินทางไปเช็กอินกันต่อที่เมืองโบดรัม เมืองท่องเที่ยวสุดโรแมนติกที่นักท่องเที่ยวจำนวนมากต่างพากันหลั่งใหลเดินทางมากันอย่างไม่ขาดสาย เนื่องจากความสวยงามของบรรยากาศวิวเมืองที่เต็มไปด้วยตึกอาคารและสถาปัตยกรรมที่งดงาม ตั้งอยู่บริเวณริมทะเลอีเจียน จนทำให้ใครหลายคนหลงใหลในมนต์เสน่ห์เป็นอย่างมาก

ในช่วงซัมเมอร์​ที่ผู้คนต่างพากันออกมาทำกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็น นั่งปิกนิก นอนอาบแดด หรือชมพระอาทิตย์ตกดินในช่วงเย็น ที่สำคัญเมืองแห่งนี้ยังเป็นที่อยู่อาศัยของผู้คนที่มีความร่ำรวยเป็นจำนวนมาก

 

19. จตุรัส ทักซิม (Taksim Square)

จตุรัส ทักซิม เป็นที่เที่ยวตุรกีที่นักท่องเที่ยวต่างเดินทางกันมาเป็นจำนวนมาก เนื่องจากสถานที่แห่งนี้เป็นแลนด์มาร์กสุดขึ้นชื่อที่ไม่ควรพลาดแก่การไปเช็กอิน โดยหนึ่งในกิจกรรมยอดฮิตของที่นี่เลยก็คือ การนั่งรถรางชมเมือง เพราะรถรางที่นี่ขึ้นชื่อเป็นอันดับสองรองจากกรุงลอนดอนประเทศอังกฤษ ซึ่งรถรางจะวิ่งผ่านตลอดแนวถนนคนเดินจัตุรัสทักซิม ทำให้คุณสามารถสัมผัสวิถีชีวิตของคนเมืองได้อย่างใกล้ชิด

อีกทั้งยังเป็นพื้นที่ที่เหมาะแก่การมาช้อปปิ้งซื้อของ เพราะที่นี่เป็นแหล่งรวมสินค้าและร้านอาหารมากมายที่คุณสามารถเลือกซื้อได้อย่างเต็มเปี่ยม

 

20. ฮัมมัม (Hammam)

ปิดท้ายกันด้วยที่เที่ยวตุรกีอย่างฮัมมัม หรือโรงอาบน้ำที่มีมายาวนานกว่า 500 ปี โดยโรงอาบน้ำนี้มีลักษณะคล้ายสปา เหมาะแก่การมาผ่อนคลายความเหนื่อยล้าจากการเดินทางท่องเที่ยวมาตลอดทั้งวัน

คนตุรกีหรือยุโรปแล้ว การอาบน้ำจะเป็นการเพิ่มความอบอุ่นให้แก่ร่างกาย และเป็นส่วนหนึ่งของวิถีแห่งการดูแลสุขภาพของชาวกรีกที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ บอกเลยว่าคุณจะได้สัมผัสประสบการณ์การทำสปารูปแบบใหม่ที่ไม่เคยได้รับจากที่ไหนมาก่อนอย่างแน่นอน

ทั้งหมดนี้ก็เป็น 20 ที่เที่ยวตุรกีดินแดนสองทวีป เมืองแห่งอารยธรรมที่ควรไปเยือนด้วยตนเองสักครั้ง หลังหมดโควิดนี้เตรียมตัวเดินทางสัมผัสความสวยงามและศิลปวัฒนธรรมอันงดงามของเมืองสองทวีปที่ประเทศตุรกีกันเลยดีกว่า

 

 

 

 

 




Leave a comment